ปัญหาเรื่องเสียงรบกวนหรือมลพิษทางเสียงจากเสียงดังเกินความจำเป็น เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากการจราจร ทั้งรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน เสียงดังจากการทำงานของเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่เสียงจากการก่อสร้าง และกิจกรรมภายในครัวเรือนอย่างเสียงเพลง แต่การควบคุมและจัดการปัญหาเหล่านี้ให้ได้มาตรฐาน จำเป็นต้องมีการตรวจวัดระดับเสียงที่ถูกต้องแม่นยำด้วยเครื่องวัดเสียงที่มีคุณภาพ

 

ซึ่งในการเลือกใช้เครื่องวัดระดับเสียง (Sound Level Meter) สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกใช้คือ “ระดับชั้นของความแม่นยำ” หรือที่เรียกกันว่า Class ซึ่งถูกกำหนดโดยมาตรฐานสากล IEC 61672-1:2002 โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 1 และ Class 2 ซึ่งทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันที่ค่าความคลาดเคลื่อนในย่านความถี่ต่าง ๆ

 

เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 1 กับ Class 2

 

ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึก เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 1 และ Class 2 ว่าแตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนจึงจะเหมาะกับงานของคุณ

 

เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 1 และ Class 2 แตกต่างกันอย่างไร?

 

มาตรฐาน IEC 61672 ได้กำหนดเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ของเครื่องวัดเสียงในแต่ละ Class เพื่อบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อความถี่เสียง ดังตารางเปรียบเทียบต่อไปนี้

 

ความถี่ (Frequency)ความคลาดเคลื่อน Class 1ความคลาดเคลื่อน Class 2
1 kHz± 1.1 dB± 1.4 dB
20 kHz± 2.5 dB± 3.5 dB
16 Hz+2.5 dB , -4.5 dB+5.5 dB , -∞ dB

 

จากข้อมูลมาตรฐานเครื่องวัดระดับเสียง Class 1 และ Class 2 ในตารางเราจะเห็นได้ว่า เครื่องวัดเสียง Class 1 มีช่วงความคลาดเคลื่อนที่แคบกว่า หรือพูดง่าย ๆ คือมีความแม่นยำสูงกว่า เครื่องวัดเสียง Class 2 ในทุกย่านความถี่ โดยเฉพาะในย่านความถี่ต่ำและสูงมาก

 

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เครื่องวัดเสียง Class 2 เป็นสินค้าด้อยคุณภาพที่คนจะเลือกซื้อทีหลังเสมอไป เพราะว่าการตัดสินใจว่าจะใช้เครื่องวัดเสียง Class 1 หรือ Class 2 นั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก

 


 

การเลือกใช้งานเครื่องวัดระดับเสียง

 

การเลือกเครื่องวัดเสียงให้เหมาะสม ไม่ใช่แค่การเลือกตัวที่แพงที่สุด แต่คือการเลือกเครื่องมือที่ ตรงกับงานที่สุด การตัดสินใจว่าจะใช้เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 1 หรือมาตรฐาน Class 2 จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้

 

เครื่องวัดเสียง Class 1 คืออะไร?

 

เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 1 เป็นเครื่องวัดระดับเสียงที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดและความถูกต้องแม่นยำสูงสุด หรือการวัดที่ต้องนำผลไปใช้อ้างอิงทางกฎหมายและงานวิจัย

 

เช่น การวัดเสียงรบกวนจากอากาศยานตามมาตรฐาน ISO 20906:2009 การวัดเสียงเพื่อทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) งานในห้องปฏิบัติการสอบเทียบ หรือการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการวิเคราะห์เสียงอย่างละเอียด

 

เครื่องวัดเสียง Class 2 คืออะไร?

 

เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 2 เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการความละเอียดถึงระดับงานวิจัย แต่ยังคงต้องการความน่าเชื่อถือตามมาตรฐานสากล

 

เช่น การตรวจวัดระดับเสียงในสถานประกอบการเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) การสำรวจเสียงรบกวนในชุมชนเบื้องต้น การวัดเสียงสัญญาณเตือนภัย หรือการตรวจสอบว่าสภาพแวดล้อมเป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำอย่าง BS EN 61672-1:2003 หรือไม่ ซึ่งเครื่องมือในกลุ่มนี้มักมีราคาที่ย่อมเยากว่าและเพียงพอสำหรับการใช้งานส่วนใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม

 

เครื่องวัดเสียง

เครื่องวัดเสียง รุ่น DT-815 SUMO

 


 

กล่าวคือ หากงานของคุณเกี่ยวข้องกับคดีความ กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด หรือห้องแล็บ เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 1 คือคำตอบ แต่หากเป็นการตรวจสอบความปลอดภัยทั่วไปในโรงงานหรืออาคาร เครื่องวัดเสียงมาตรฐาน Class 2 ก็เพียงพอและคุ้มค่าต่อการลงทุนนั่นเองครับ