งานซ่อมแซมและงานประดิษฐ์ภายในบ้านเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมเฟอร์นิเจอร์ การติดตั้งชั้นวางของ หรือการประกอบตู้ใหม่ เครื่องมือช่างจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกครัวเรือนควรมีติดไว้ และเมื่อพูดถึงเครื่องมือช่างชิ้นแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึงและควรจัดหามาเป็นเจ้าของ “สว่านไฟฟ้า” มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เสมอ เนื่องจากความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่ครอบคลุมตั้งแต่งานเจาะไปจนถึงงานขันสกรู
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ สว่านไฟฟ้าแบบธรรมดา (Rotary Drill) หรือสว่านพื้นฐาน และเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นเครื่องมือชิ้นแรกที่ควรมี พร้อมแนะนำวิธีการเลือกซื้อ

สว่านไฟฟ้า คืออะไร?
สว่านไฟฟ้า คือ เครื่องมือช่างสำหรับการเจาะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะจากสายไฟหรือแบตเตอรี่ ในการขับเคลื่อนมอเตอร์เพื่อส่งกำลังหมุนไปยังหัวจับดอกสว่าน ทำให้ดอกสว่านหมุนด้วยความเร็วสูงเพื่อเจาะรูลงบนวัสดุต่าง ๆ โดยอาศัยหลักการเฉือนเนื้อวัสดุออกไปทีละน้อยผ่านเกลียวของดอกสว่าน
สว่านประเภทที่เรากำลังพูดถึงในบทความนี้คือ สว่านไฟฟ้าธรรมดา ซึ่งมีความแตกต่างจากสว่านประเภทอื่นอย่างสิ้นเชิง สว่านชนิดนี้จะมีกลไกการทำงานเพียงระบบเดียวคือ ระบบหมุน (Rotary) โดยไม่มีระบบกระแทกเข้ามาเกี่ยวข้อง
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดของผู้เริ่มต้นคือการเหมารวมว่าสว่านทุกตัวสามารถเจาะปูนหรือคอนกรีตได้ ในความเป็นจริงแล้ว สว่านไฟฟ้าธรรมดาถูกออกแบบมาเพื่อเจาะวัสดุที่มีความเหนียวหรือแข็งปานกลาง เช่น ไม้ เหล็ก อะลูมิเนียม พลาสติก หรือวัสดุสังเคราะห์ต่าง ๆ เท่านั้น มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เจาะคอนกรีต อิฐ หรือหินแข็ง เพราะการเจาะวัสดุเหล่านั้นต้องอาศัยแรงกระแทก (Hammering action) เพื่อทุบวัสดุให้แตก ซึ่งเป็นหน้าที่ของสว่านกระแทก (Impact Drill) หรือ สว่านโรตารี่ (Rotary Hammer)
ด้วยเหตุนี้สว่านไฟฟ้าธรรมดาจึงจัดว่าเป็นสว่านตัวเริ่มต้นและควรมีติดบ้าน เพราะงาน DIY ส่วนใหญ่ภายในบ้านกว่า 80% เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับไม้และโลหะ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะรูเพื่อร้อยสายไฟ การเจาะเหล็กเพื่อยึดฉากรับชั้น การประกอบโต๊ะเก้าอี้ หรือการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า งานเหล่านี้ต้องการความแม่นยำสูง ซึ่งสว่านไฟฟ้าธรรมดาตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เนื่องจากไม่มีแรงสั่นสะเทือนจากการกระแทก ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมตำแหน่งรูเจาะได้อย่างแม่นยำ รูที่ได้จะมีความกลมสวยงาม ไม่บิ่นหรือแตกร้าวเหมือนการใช้สว่านกระแทก
ดังนั้น หากคุณต้อง เลือกซื้อเครื่องมือช่าง Power Tools ชิ้นแรก สว่านไฟฟ้าธรรมดาคือ 1 ในคำตอบที่สมดุลที่สุดระหว่างราคา ประสิทธิภาพ และความครอบคลุมของหน้างาน
การทำงานของสว่านไฟฟ้า
เพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพและข้อจำกัดของสว่านไฟฟ้า เราต้องเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของสว่านไฟฟ้าเสียก่อน สว่านไฟฟ้าประกอบด้วยส่วนสำคัญหลัก ๆ ได้แก่
มอเตอร์ ที่มักเป็นแบบยูนิเวอร์แซล (Universal Motor) ในรุ่นที่มีสาย ซึ่งให้รอบจัดและแรงบิดที่ดี กำลังของมอเตอร์มีหน่วยเป็นวัตต์ (Watt) สำหรับงาน DIY ทั่วไป กำลังไฟในช่วง 230-450W ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานเจาะไม้และเหล็กบาง
หัวจับดอกสว่าน เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ยึดดอกสว่านให้แน่น แบ่งออกเป็นสองแบบหลัก คือ แบบใช้จำปาขัน (Keyed Chuck) ซึ่งต้องใช้ดอกกุญแจในการขันล็อค ข้อดีคือแน่นหนามาก เหมาะกับงานหนักที่ต้องใช้รอบสูงต่อเนื่อง และแบบมือบิด (Keyless Chuck) ที่สามารถใช้มือหมุนล็อคได้เลย เน้นความสะดวกรวดเร็วในการเปลี่ยนดอกสว่าน
สวิตช์ควบคุม ทำหน้าที่เปิดปิดการทำงาน ในสว่านรุ่นใหม่ ๆ สวิตช์มักจะเป็นแบบแปรผันตามแรงกด ยิ่งกดลึกรอบสว่านยิ่งหมุนเร็ว ซึ่งจำเป็นมากสำหรับการเริ่มเจาะรูเพื่อไม่ให้ดอกสว่านดิ้นหนีศูนย์กลาง
ปุ่มล็อคสวิตช์ ปุ่มเล็ก ๆ ที่มักอยู่ด้านข้างด้ามจับ ช่วยให้สว่านทำงานต่อเนื่องโดยไม่ต้องกดไกค้างไว้ เหมาะสำหรับงานขัดหรือเจาะที่ใช้เวลานาน ลดความเมื่อยล้าของนิ้วผู้ใช้งาน
สว่านไฟฟ้าไร้สาย หรือ สว่านไฟฟ้ามีสาย
สว่านไฟฟ้าไร้สาย คืออีกหนึ่งตัวเลือกของสว่านไฟฟ้าพื้นฐานที่คุณสามารถซื้อติดบ้านไว้ใช้กับงาน DIY โดยสว่านไร้สายช่วยให้คุณสามารถทำงานได้ในทุกที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาปลั๊กไฟหรือปัญหาสายไฟพันกัน โดยเฉพาะงานซ่อมแซมในที่สูง งานบนฝ้าเพดาน หรือการซ่อมแซมรั้วบ้านที่อยู่ไกลจากตัวบ้าน ซึ่งมีความคล่องตัวกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม เหรียญย่อมมีสองด้าน สว่านไฟฟ้าไร้สายมีข้อควรระวังที่ผู้ใช้งานตามบ้านต้องพิจารณาอย่างจริงจัง นั่นคือเรื่องของแบตเตอรี่ เนื่องจากโดยธรรมชาติของแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็น Ni-Cd (นิเกิล-แคดเมียม) ในรุ่นเก่า หรือ Li-ion (ลิเธียมไอออน) ในปัจจุบัน ล้วนมีปัญหาหลักที่เกี่ยวเนื่องกับงาน DIY คือความถี่ในการใช้งาน หากคุณเป็นช่างมืออาชีพที่ใช้สว่านทุกวัน แบตเตอรี่จะมีการชาร์จและคายประจุ (Cycle) หมุนเวียนตลอดเวลา ทำให้เซลล์แบตเตอรี่ตื่นตัวและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่อาจจะหยิบสว่านมาใช้ปีละ 2-3 ครั้ง การซื้อสว่านไร้สายอาจไม่ใช่ทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดเสมอไป เพราะเมื่อแบตเตอรี่ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการใช้งานเป็นเวลานาน (โดยเฉพาะถ้าเก็บในสภาพไฟหมดเกลี้ยงหรือเต็มปรี่เกินไปในอุณหภูมิที่ร้อนจัด) เซลล์เก็บประจุภายในจะเริ่มเสื่อมสภาพ เรียกว่าอาการแบตเสื่อมหรือแบตตาย
เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินที่คุณต้องการใช้งาน คุณอาจพบว่าแบตเตอรี่ชาร์จไฟไม่เข้า หรือเก็บไฟไม่อยู่ ใช้งานได้เพียง 5 นาทีก็หมดแรง สุดท้ายคุณอาจต้องเสียเงินซื้อก้อนแบตเตอรี่ใหม่ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง
สว่านไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี
ตลาดเครื่องมือช่างในปัจจุบันมีเครื่องมือช่างอย่างสว่านไฟฟ้าให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ ตั้งแต่เกรดใช้งานทั่วไปจนถึงเกรดอุตสาหกรรม แต่เรารู้ดีว่าปัญหาของคุณที่กำลังมองหาสินค้าเครื่องมือช่างคือ “ความน่าเชื่อถือ” เราจึงขอแนะนำสว่านไฟฟ้า SUMO ที่ชื่อเสียงด้านความทนทานและอะไหล่ที่หาง่ายมาอย่างยาวนานมากกว่า 20 ปี
สำหรับสว่านไฟฟ้าแบบธรรมดาของ SUMO เราขอแนะนำ 4 ตัวเลือกนี้
- สว่านไฟฟ้า 2 หุน รุ่น 602 SUMO (230W)
- สว่านไฟฟ้า 3 หุน รุ่น 603 SUMO (550W)
- สว่านไฟฟ้าไร้สาย 12V รุ่น CD007 SUMO (3 หุน)
- สว่านไฟฟ้าไร้สาย ไร้แปรงถ่าน 12V รุ่น CD008 SUMO (3 หุน)
หากคุณเน้นความเสถียรของกำลังไฟและไม่ต้องการกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อม แนะนำสว่านไฟฟ้าแบบมีสาย SUMO รุ่น 602 เป็นสว่านตัวเล็กขนาด 6.5 มม. (1/4 นิ้ว หรือ 2 หุน) ที่มีคล่องตัวสูง เหมาะกับงานเจาะรูเล็ก ๆ งานขันสกรู และรุ่น 603 ขนาด 10 มม. (3/8 นิ้ว หรือ 3 หุน) ที่ขยับขนาดขึ้นมาเพื่อรองรับงานที่หนักขึ้น มอเตอร์ทนทาน ระบายความร้อนได้ดี ซึ่งช่วยในเรื่องของการเจาะเหล็กและไม้ได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนใครที่ต้องการความสะดวกสบายของสว่านไฟฟ้าไร้สาย รุ่น CD007 และ CD008 เป็นสว่านไร้สาย 12V ที่ออกแบบมาให้จับถนัดมือ น้ำหนักเบา แต่ให้แรงบิดที่เพียงพอสำหรับงาน DIY ทั่วไปในบ้าน พร้อมกับฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน ทั้งการปรับแรงบิด สวิตช์ปรับความเร็ว และไฟ LED ส่องสว่าง ช่วยให้คุณทำงานในที่แคบหรือที่มืดได้อย่างสะดวก













